อาคารควรค่าแก่การอนุรักษ์

วังวรดิศ

วังวรดิศ

ที่ตั้ง 204 ถนนหลานหลวง กรุงเทพฯ

สถาปนิก/ผู้ออกแบบ นายคาร์ล ดือห์ริง (Karl Doring)

ผู้ครอบครอง พลตรี ม.ร.ว. สังขดิศ ดิศกุล

ปีที่สร้าง พ.ศ. 2453-2454

ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2527

ประวัติ

วังวรดิศ เป็นวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปราชญ์แห่งรัตนโกสินทร์ผู้ทรงได้รับสดุดีให้เป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย และเป็นบุคคลสำคัญของโลก ก่อสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2453-2454 บนที่ดินของพระมารดาของพระองค์ท่าน คือเจ้าจอมมารดาชุ่มในรัชกาลที่ 4 โอกาสนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง พระบรมวงศ์หลายพระองค์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางท่านประทานและถวายวัสดุก่อสร้างและเครื่องเรือนบางอย่าง สถาปัตยกรรมนั้นมีรูปแบบจูเกนสติล หรืออาร์ตนูโวแบบเยอรมัน ออกแบบโดยนายคาร์ล ดือห์ริง(Karl Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมัน เป็นอาคาร 2 ชั้น หลังคาจั่วปาดมุมทรงสูงมุงกระเบื้องดินเผาเกาะยอจากสงขลา หน้าต่างมีทั้งแบบซุ้มโค้งและสี่เหลี่ยมผืนผ้า การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในเป็นไม้แกะสลักและลวดบัวปูนปั้น รูปทรงโดยรวมของตัวอาคารดูหนักแน่นทว่ามีชีวิตชีวาด้วยรายละเอียดที่หลากหลาย อันเป็นบรรยากาศของสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ประทับ ณ วังวรดิศ จนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพ.ศ. 2475 ได้เสด็จไปประทับที่หัวหินและปีนังตามลำดับ หลายปีต่อมาจึงเสด็จกลับมาประทับ ณ วังวรดิศอีกครั้งจนสิ้นพระชนม์ที่นี่เมื่อปี พ.ศ.2486 หลังจากนั้นวังวรดิศได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ในความดูแลของพระนัดดา คือ พลตรี ม.ร.ว.สังขดิศ ดิศกุล

 

Wang Woradit

Location 204 Lan Luang Road, Bangkok

Architect/Designer Mr. Karl Dohring

Proprietor Major General Mom Ratchawong Sangkadis Diskul

Date of Construction 1910-1911 AD.

Conservation Awarded 1984 AD.

History

Wang Woradit (Woradit Palace) was originally a residence of Prince Krommaphraya Damrong Rajanubhab, one of Thailand’s greatest and most honoured personalities in fields of history, archaeology, literature, education and public administration. The palace was built during 1910-1911 on the land which belonged to his mother, Chaochom Manda Chum, a consort of King Rama IV. The palace’s architecture is Jugendstil, or German Art Nouveau style desiged by Mr. Karl Dohring, a German architect. It is 2-story, hipped gable, high-pitched roof tiled with local terracotta roof tiles from Songkhla. The building is fitted with both arched and rectangular windows and decorated with woodcarvings and stcco mouldings. The appearance is sturdy and resolate, yet dynamic and gentle with variation of detail, thai is characteristically a Art Nouveau. Prince Krommaphraya Damrong Rajanuhab lived at the palace until after democratization in 1932 that he left to Hua Hin and Penang consecutively. He returned after several years away, and died here in 1943. At present, the palace houses a museum and a library in care of his grandson, Major General Mom Ratchawong Sangkadis Diskul.